Post Views: 785
จากกรณีชายวัย 38 ปี ที่เสียชีวิตปริศนาบนรถทัวร์โดยสารสาย นครราชสีมา-เชียงใหม่เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารลำปาง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวทราบว่า ชายผู้เสียชีวิตอายุ 38 ปี ชื่อนายแบงค์ เป็นชาวลำปาง โดยขณะนี้ศพของ นายแบงค์ ได้ทำการชันสูตรศพและนำออกมาจากโรงพยาบาลลำปางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางญาติ ได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่วัดแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลนครลำปาง โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
ต่อมาคุณพุท อายุ 59ปี ผู้เป็นแม่ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “ได้รับศพ บุตรชาย แล้วรู้สึกเสียใจมาก โดยในใบชันสูตรศพ ระบุว่าติดเชื้อทางกระแสเลือด และทราบมาว่า เป็นโรคแบคทีเรียกินเนื้อคน ซึ่งตนเองก็มีบุตรชายอันเป็นที่รักเพียงคนเดียว แบงค์ ไปเร็วมากทำใจไม่ได้ และไม่คาดคิดว่า จะมาเกิดกับบุตรชายตน และยังติดใจในสาเหตุการตายอยู่”

ซึ่งทางยายของแบงค์ คือนาง สม ก็เปิดเผยว่า เมื่อประมาณวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา นายแบงค์เคยไปปฏิบัติธรรมที่อำเภอเถินจังหวัดลำปาง และขับมอเตอร์ไซค์กลับมาในตัวเมืองลำปาง ระหว่างนั้นประสบอุบัติเหตุ รถแฉลบ นายแบงค์ มีบาดแผลถลอกตามร่างกายและ มีการเย็บที่ ต้นแขนหลายสิบเข็ม ก็ไม่แน่ใจว่าหลังจากนั้นมา จะไปติดเชื้อเข้ามาตามบาดแผลต่างๆหรือไม่ และคุณแม่ก็ยังบอกว่าที่ผ่านมาประมาณเดือน มีนาคม 2568 แบงค์นั้นเคยมีอาการปวดหัว ไปตรวจ จึงพบว่าติดเชื้อโรคงูสวัด แก้วหูทะลุ และปากเบี้ยว รักษาอาการมา 2 เดือน จึงหายดี ซึ่งทำให้ แบงค์ นั้นปวดหู และหูอื้อในช่วงนั้น แต่คุณแม่ยืนยันว่าที่ผ่านมา ก็รักษาแผลหายแล้วและก็ยังไม่เชื่อว่า ลูกจะมาติดเชื้อจากโรคแบคทีเรียกินเนื้อคน จนเป็นสาเหตุดังกล่าวอีก
อย่างไรก็ตาม คุณแม่บอกว่า บุตรชายนั้นเดินทางไป จ.นครราชสีมา วันที่ 7 มิถุนายน 68 เพื่อจะไปสมัครบวชพระ และจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2568 ซึ่งเดินทาง กลับลำปาง และถึงกลางดึก 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนคุณแม่ติดใจ บาดแผลของลูกว่าทำไม ขาของลูกนั้น บวมรวดเร็วผิดปกติ ซึ่งคุณแม่ ก็ติดใจบริเวณ ขาด้านซ้ายที่มีรอยฟกช้ำและมีเลือดไหลออกมา ก็ยังไม่แน่ใจว่า จะเป็นโรคแบคทีเรียกินเนื้อคนตาม ที่ แพทยระบุมาหรือไม่ แม่แบงค์กล่าว

อย่างไรก็ตามจากข้อมูล โรคแบคทีเรียกินเนื้อคนนี้ หรือโรคเนื้อเน่า เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง เช่นไขมันใต้ผิวหนัง พังผืดและกล้ามเนื้อต่างๆ ซึ่งจะมีความรุนแรงมากอันตรายถึงชีวิตหากรักษาไม่ทัน โดยเชื้อต่าง ๆ นั้น จะเร่งทำลายเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง กล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะมักพบผู้ป่วยบริเวณที่แขนและขาบริเวณฝีที่เย็บและลำตัว
และผู้ป่วยต่าง ๆ มักมีประวัติได้รับอุบัติเหตุ
“ดังนั้น เมื่อมีบาดแผล แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรงหรือไม่ ในเบื้องต้นอาจล้างทำความสะอาดบริเวณบาดแผลด้วยน้ำเกลือ 1 – 2 ลิตร หากไม่มีน้ำเกลืออาจใช้น้ำดื่มสะอาดทดแทน หรือหากไม่มีทั้งน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดก็สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย จากนั้นปิดบาดแผลด้วยผ้าสะอาด และรีบมาพบแพทย์ทันที แพทย์จะประเมินความรุนแรงของโรค ให้การรักษาดูแลบาดแผล และวางแผนการติดตามการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันและรับมือภาวะแทรกซ้อน เช่นแผลติดเชื้อ หรือการกลายเป็นโรคแบคทีเรียกินเนื้อได้อย่างทันท่วงที”