เหตุปะทะในเมียนมายังลุกลาม ผภร.หนีตายเล่านาทีชีวิตก่อนเข้าพึ่งไทย

 

เกือบ 3 สัปดาห์แล้วที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนต้องระดมกำลังเข้ารับมือกับจำนวนของผู้หนีภัยการสู้รบ ที่ทะลักเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัยทั้ง 4 แห่งอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีรายงานการสู้รบในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีแววทะลักเข้ามาที่แนวชายแดนด้านอำเภอเมืองเพิ่มอีก


สถานการณ์ของชายแดนด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอนล่าสุดในวันนี้ (วันที่ 1 กรกฎาคม 2566) ที่ต้องจัดการกับจำนวนของผู้หนีภัยการสู้รบชาวกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา ที่ทะลักเข้ามาขอหลบภัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยทั้ง 4 แห่ง ใน 2 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น ในขณะที่ยังคงมีรายงานการสู้รบของกองกำลังผสมชนกลุ่มน้อยรัฐคะยาต่อต้านรัฐบาลเมียนมากับทหารของรัฐบาลเมียนมา เกิดขึ้นมาอย่างต่อ มีรายงานการสูญเสียของทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงการรุกเข้ายึดคืนของพื้นที่ที่ทางกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่ใช้การต่อสู้ด้วยอาวุธประจำกาย เข้าปะทะกับทหารของรัฐบาล แต่ทางทหารของรัฐบาลเมียนมาได้ใช้การโจมตีด้วยอากาศยานเป็นหลัก เพื่อเข้าทำลายในพื้นที่ที่คาดว่าจะเป็นพื้นที่หลบซ่อนโจมตี ทำให้ในหลายเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งที่เมืองผาจอง น้ำมาง ลอยก่อหรือที่อำเภอแม่แจ๊ะ จากภาพของเวปไซต์ของกองกำลังกะเหรี่ยงที่เผยแพร่ออกมาจะเห็นสภาพความเสียหายของแต่ละเมืองอย่างชัดเจน จากการปะทะกันอย่างหนักแล้วยังมีแนวโน้มกระทบไปอีกหลายจุดตลอดแนวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน


จากการเปิดเผยของพระภิกษุรูปหนึ่ง ที่เดินทางเข้ามาพร้อมกับผู้หนีภัยรายอื่นๆ เข้ามาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยบ้านพะแข่ ตำบลแม่กิ๊ อำเภอขุนยวม เผยว่า เดินทางมาจากวัดที่น้ำมางที่ต้องใช้เวลาในการเดินทางมาราว 3-4 คืนกว่าจะถึงพื้นที่ปลอดภัยที่นี่ อาศัยชาวบ้านช่วยแบกเดินทางมาพร้อมกันเนื่องจากเดินไม่ค่อยไหว เส้นทางก็ยากลำบาก เฉพาะตัวเองก็เนไม่ไหวต้องให้ชาวบ้านแบกหามมา ทางเดินมีแตกดินโคลนเดินไม่ไหวแน่เพราะเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก ส่วนพื้นที่จะเป็นอย่างไรนั้นไม่ทันได้สำรวจเพราะต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน เพราะมีการปะทะกันทุกวัน พระในวัดก็ต้องหลบหนีกันออกมาทั้งหมด


ขณะที่ชาวบ้านผู้หนีภัยการสู้รบรายหนึ่งก็เปิดเผยถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ ว่า ตนเองต้องเดินทางออกมาจากที่แม่แจ๊ะ บ้านกลางและบ้านน้ำมาง ที่จะต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 1 วันจึงจะมาถึงที่นี่ ชาวบ้านที่เดินทางมาครั้งนี้ก็ราว 700-800 คนแทบจะหมดบ้านแล้ว ตอนนี้ทางหมู่บ้านก็คงได้รับความเสียหายหมดแล้วแทบไม่มีอะไรเหลือ ชาวบ้านที่เหลือก็คงจะเดินทางมาเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด ซึ่งการปะทะกันนั้นทางเมียนมาจะใช้การโจมตีด้วยเครื่องบิน บางแห่งก็ยึดได้บางแห่งก็ยังเข้ายึดไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่สามารถทำอะไรได้ต้องอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อน ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะยาวนานขนาดไหน


ล่าสุดเมื่อวานนี้ (วันที่ 30 มิถุนายน 2566) มีกลุ่มผู้หนีภัยชาวกะเหรี่ยงคะยาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ด้านตรงข้ามกับบ้านน้ำเพียงดิน ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เดินทางเข้ามาขอหลบภัยที่พื้นที่ใกล้กับช่องทางห้วยโปงเลากว่า 146 ราย ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง เด็กและคนชรา ทางเจ้าหน้าที่ได้กันให้พักอยู่ในเขตปลอดภัยและฝ่ายปกครองของที่ว่าการอำเภอเมืองได้จัดสรรสิ่งของบรรเทาทุกข์จำพวกข้าวสาร อาหารสำเร็จรูปและน้ำดื่ม ไปให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมกับกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวและหากพบว่าสถานการณ์ไม่รุนแรงก็จะผลักดันกลับออกไปอีกครั้ง


ศูนย์สั่งการชายแดนไทยเมียนมาด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รายงานล่าสุดเมื่อค่ำวานนี้ (วันที่ 30 มิถุนายน 2566) ว่า ปัจจุบันมีผู้หนีภัยการสู้รบเข้ามาขอหลบภัยในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้ง 4 แห่ง จำนวน 4,876 คน แยกเป็นที่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านเสาหิน หมู่ที่ 1 ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จำนวน 3,270 คน ที่บ้านอุนุ ตำบลแม่คง จำนวน 316 คน ที่บ้านจอปร่าคี หมู่ที่ 9 ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จำนวน 492 คน และที่บ้านพะแข่ ตำบลแม่กี๊ อำเภอขุนยวม จำนวน 789 คน ซึ่งกิ่งกาชาดของทั้ง 2 อำเภอยังคงเปิดรับบริจาคสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ส่วนที่ภายในพื้นที่ปลอดภัยแต่ละแห่งก็ได้เร่งสร้างเพิงพักชั่วคราว สิ่งสาธารณูปโภค ที่พักน้ำดื่ม-น้ำใช้และจัดระเบียบการดูแลของเป็นป๊อกหรือหย่อมบ้าน เพื่อง่ายต่อการประสานงานหรือการแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้ถึงมืออย่างทั่วถึง แต่มีชาวบ้านบางครอบครัวที่ถนัดจะหุงหาอาการกินเอง ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้การสนับสนุนสิ่งของตามที่ร้องขอต่อไป

วิรัตน์ นันทะพรพิบูลย์ จ.แม่ฮ่องสอน – รายงาน