พฐ.เข้าตรวจสอบบ้านเกิดเหตุเด็กทารกแช่แข็งปริศนา ตำรวจเร่งหาเบาะแสล่าตัวคนก่อเหตุ.

 

เมื่อ 8 มีนาคม 65 จากกรณีเมื่อ 21.00 น.คืนที่ผ่านมา (7 มีนาคม) )เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ปิง เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่าพบศพเด็กทารกถูกแช่แข็งภายในตู้เย็น ภายในบ้านชั้นเดียว เลขที่ 7 ถนนสันนาลุง ซอย 2 ตำบลวัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นพบว่าภายในตู้แช่แข็งยี่ห้อ Fresher สีขาว สูงประมาณ 120 ซม. กว้างด้านละ 70 ซม. ด้านในมีซากทารกถูกห่อด้วยผ้าอ้อม เมื่อเปิดดูพบเหลือแต่โครงกระดูก กระดูกศีรษะแตกหลายจุด และมีเส้นผมติดอยู่เป็นบางส่วน ไม่สามรถระบุเพศได้ และอายุคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว บริเวณใกล้กันยังพบของเล่นเด็ก 3-4 ชิ้นวางอยู่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงเก็บรวมรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมสอบปากคำเจ้าของบ้าน.

ด้านนายวิรัตน์ ประภาพรรณ อายุ 59 ปี เจ้าของบ้าน เผยกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนหน้านี้ตนไปทำงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและเพิ่งกลับมาเมืองไทยได้เพียง 2 สัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้ญาติมาอยู่อาศัยโดยแบ่งออกเป็น 4 ห้อง และทั้งหมดได้ย้ายออกไปหมดก่อนหน้านี้แล้ว และตนพร้อมกับช่างเตรียมจะเข้ารีโนเวทบ้านหลังนี้ ก่อนเกิดเหตุได้เข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าว โดยเก็บขนย้ายข้าวของบางส่วนที่ยังเหลืออยู่ เพื่อทำความสะอาด และเมื่อถึงบริเวณห้องที่ 3 พบว่ามีตู้แช่แข็งล็อคกุญแจไว้อยู่ จึงได้หาทางงัดออกเพื่อนำเครื่องดื่มชูกำลังที่ซื้อมาเลี้ยงช่าง นำไปแช่เย็นดื่มแก้กระหาย กระทั่งเมื่อเปิดได้ถึงกับผงะ เมื่อกลิ่นศพโชยออกมาอย่างรุนแรงคลุ้งไปทั่ว และพบว่าเป็นซากทารกถูกแช่ไว้โดยคาดว่าน่าจะนานนับปีแล้ว เพราะเหลือแต่โครงกระดูกในห่อผ้า จึงแจ้งตำรวจพร้อมหน่วยกู้ภัยเข้าตรวจสอบดังกล่าว.

ล่าสุดช่วงสายวันนี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเชียงใหม่ พร้อม พ.ต.ท.จรูญ เมืองมูล สารวัตรสอบสวน สภ.แม่ปิง เชียงใหม่ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอยางละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยพบว่าห้องที่พบซากศพทารกนั้น ยังมีคราบสีเข้มไหลนองพื้น แต่มีการย้ายตู้แช่แข็งออกมาไว้ด้านนอกแล้ว
ทั้งนี้ทางด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับแจ้งเหตุดังกล่าว ทางพนักงานสอบสวนก็ได้เข้ามาตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่งในช่วงคืนที่ผ่านมา และในวันนี้ก็จะได้ให้ทางเจ้าหน้าที่วิทยาการมาทำการเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนศพของเด็กทารกก็ได้ส่งดำเนินการส่งตรวจชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และตรวจพิสูจน์ด้วยว่าเด็กทารกนั้นเป็นลูกของใคร หลังจากนั้นจึงจะมีการตั้งรูปคดีและทำการสืบสวน ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกปิดทิ้งไว้ไม่มีคนอยู่ จนกระทั่งต่อมามีคนงานจะมารีโนเวทบ้าน และได้ซื้อเครื่องดื่มจะเอามาแช่ที่ตู้ดังกล่าว และพยายามเปิดตู้เย็นแต่หลังเปิดตู้มาก็พบศพทารกดังกล่าว ส่วนการติดตามบุคคลเกี่ยวข้องนั้นก็จะต้องมาทำการวางแผนการสืบสวนสอบสวนก่อน และจะต้องรอผลการพิสูจน์ศพของเด็กทารกก่อนว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด หลังจากนั้นก็ติดตามสืบว่าเป็นลูกใคร แล้วดำเนินการติดตามตัวมาทำการสอบสวน รวมไปถึงเจ้าของบ้าน แล้วค่อยมาพิจารณาว่าเป็นการกระทำผิดทางอาญาหรือไม่ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบตู้แช่ ที่พบว่ามีการนำของเล่นเด็กมาวางทิ้งไว้นั้นคาดว่าไม่น่าเกี่ยวกับการทำไสยศาสตร์แต่อย่างใด และคาดว่าเนื่องจากเด็กเสียชีวิต คนทำก็น่าจะนำของเล่นเด็กมาวางไว้เท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับไสยศาสตร์.

ทางด้าน นายธงชัย รักรุ่งโรจน์ อายุ 66 ปี พี่เขยของ นายวิรัตน์ เจ้าของบ้าน บอกว่า บ้านหลังนี้เป็นของน้องเขย ซึ่งเจ้าตัวนั้นไปอยู่ที่อเมริกา แล้วเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน แล้วกำลังจะมารีโนเวทบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 64 ตนได้ทราบว่ามีบิลค่าไฟเรียกเก็บที่บ้านหลังดังกล่าวสูงกว่าปกติ เพราะไม่มีคนอยู่ จึงได้มาตรวจสอบ ก็พบว่ามีตู้แช่ดังกล่าวถูกเสียบทิ้งไว้ในห้อง ตนคาดว่าสาเหตุค่าไฟน่าจะมาจากตู้แช่ จึงแค่ดึงปลั๊กไฟออก ตอนนั้นตนก็ไม่ได้เปิดดูตู้แช่ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน เนื่องจากตู้แช่นั้นถูกล็อคไว้ จากนั้นก็ไม่ได้เข้ามาตรวจสอบ และปล่อยไว้จนกระทั่งน้องเขยจะมารีโนเวทบ้านและเปิดตู้แช่จึงพบร่างของทารก และในส่วนของน้องเขยเจ้าของบ้านนั้น ขณะนี้อยู่ที่ จ.ลำพูน ซึ่งกำลังเดินทางไปให้ปากคำกับทางตำรวจเพิ่มเติม.

ล่าสุด นางศรีน้อย ประภาพันธ์ แม่ของ นายวิรัตน์ ประภาพันธ์ เจ้าของบ้าน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว โดยเล่าอย่างละเอียดว่า ศพทารกที่พบไม่ใช้ลูกใครที่ไหน แต่เป็นลูกของนายเอ้ว หรือ เบญจรงค์ (ไม่ทราบนามสกุล) อายุประมาณ 24 ปี ลูกเลี้ยงของนายวิรัตน์ โดยหลังจากที่นายวิรัตน์เดินทางไปอยู่ต่างประเทศ ตนเองและนายเอ้วยังอยู่ที่บ้านหลังนี้ จนกระทั่งประมาณสองปีก่อน นายเอ้วมีลูกกับแฟนสาวที่อยู่ด้วยกัน แต่ภายหลังเด็กเสียชีวิตในครรภ์ แพทย์โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้ทำการผ่าศพออกมาและจะดำเนินการให้ แต่นายเอ้วขอนำศพกลับมาดำเนินการเอง หลังจากนั้นนายเอ้วก็ได้อุ้มศพลูกมาที่บ้าน บอกว่านี่ไงหลานยาย ตนจึงดุด่าและบอกให้นำไปเผาหรือประกอบพิธีทางศาสนา แต่นายเอ้วบอกว่าเป็นลูกคนแรกยังทำใจไม่ได้ ก่อนที่จะไปซื้อตู้แช่แข็งมาใส่ศพ บอกว่าขอเวลาหนึ่งเดือน หลังจากนั้นไม่นานตนเองจึงย้ายออกไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ เมื่อสอบถามนายเอ้วก็บอกว่าเอาศพออกจากบ้านไปแล้ว ส่วนนายเอ้วกับแฟนช่วงหลังมาทราบว่า ไปก่อเหตุลักทรัพย์ในร้านสะดวกซื้อ และถูกจับกุมดำเนินคดีไปพร้อมกับแฟนสาว จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พ้นโทษออกมา ตำรวจต้องตามไปสอบสวนเพิ่มเติม..