ผวจ.ยันรับมือผู้หนีภัยสู้รบร่วมกับภาคเอกชน เร่งนำส่งถึงทุกพื้นที่

 

ผู้ว่าราชการการจังหวัดแม่ฮ่องสอนยืนยันรับมือผู้หนีภัยการสู้รบดำเนินการอย่างเป็นระบบตามหลักมนุษยธรรม ได้องค์กรภาคเอกชนของแม่ฮ่องสอนเข้าร่วมสนับสนุนเต็มที่ เร่งนำส่งให้ถึงมือทุกพื้นที่แม้จะเป็นช่วงหน้าฝน

นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวถึงปัญหาของผู้หนีภัยการสู้รบที่ทะลักเข้ามาในพื้นที่จำนวนมากขณะนี้ ว่า เราได้ให้การช่วยเหลือบนพื้นฐานของหลักมนุษยธรรมกับผู้ที่หลบหนีภัยจากการสู้รบมาในเขตประเทศไทยเราหรือที่แม่ฮ่องสอน หลบเข้าเพราะมีการสู้รบยิงกันในฝั่งประเทศเค้า หลบเข้ามาจำนวนมาก ที่เราพบเห็นว่าเป็นคนแก่ สตรีและเด็กเป็นส่วนใหญ่หอบลูกจูงหลานกันมาตามแนวชายแดน ทางเราก็ต้องจัดพื้นที่ปลอดภัยรองรับและเหมาะสม แต่ต้องไม่กระทบกับราษฎรไทยในพื้นที่เอง อยู่ในพื้นที่ที่ควบคุมดูแลได้ รวมถึงการจัดสิ่งของบรรเทาทุกข์และอาหารให้การดูแล เพราะคนเหล่านี้เข้ามาก็แทบไม่มีอะไรติดตัวมา จนถึงขณะนี้ก็สี่พันกว่าคนทั้ง 2 จุดที่ให้การดูแลอยู่ สำหรับคนที่หลบหนีการสู้รบเข้าและเมื่อไหร่ที่สถานการณ์ทางพื้นที่เค้าสงบ ปลอดภัยเพียงพอเราก็จะแจ้งให้เค้าเดินทางกลับไป แต่สถานการณ์ในขณะนี้จากการติดตามของฝ่ายทหารก็ยังคงมีการสู้รบในพื้นที่ของเพื่อนบ้าน ห่างจากชายแดนไทยเข้าไปราว 5-6 กิโลเมตร บางครั้งก็อาจจะมีกระสุนปืนใหญ่เข้ามาใกล้แนวชายแดนมาก ซึ่งก็ยังไม่ปลอดภัยและขออยู่ต่อในพื้นที่ปลอดภัยตามแนวชายแดนที่เราจัดไว้ให้ แต่ที่น่าห่วงก็คือหากสถานการณ์ยาวนานกว่านี้และมีผู้หนีภัยการสู้รบมากขึ้นก็จะมีผลไปถึงการใช้ทรัพยากรต่างๆ มากขึ้น ตอนมาใหม่ๆ ก็ยังแออัดชุลมุนกันอยู่ ตอนนี้พยายามจัดให้เข้าที่แยกเป็นสัดเป็นส่วน ตอนนี้ยอดก็เริ่มจะลดลง หากผู้คนทั่วไปจะบริจาคสิ่งของให้การช่วยเหลือก็สามารถประสานเข้ามาที่จังหวัดและกาชาดจังหวัดได้ตลอดเวลา…

ในขณะที่วันนี้ (วันที่ 25 มิถุนายน 2566) นายปกรณ์ จีนาคำ สส.จังหวัดแม่ฮ่องสอนเขต 1 ได้เดินทางร่วมกับเครือข่ายสะพานบุญครูหนึ่ง นำสิ่งของบรรเทาทุกข์กว่า 6 คันรถ ได้เดินทางเข้าไปยังพื้นที่พักรอของที่พักพิงผู้หลบหนีภัยการสู้รบบ้านพะแข่ หมู่ที่ 3 ตำบลแม่กี๊ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีนายณรงค์พัชญ์ นาคทรัพย์ นายอำเภอขุนยวม ได้รายงานถึงความคืบหน้าของการให้การดูแลผู้หนีภัยการสู้ในพื้นที่มียอด ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 839 คน ในขณะนี้มีทางฝ่ายปกครองให้การดูแลร่วมกับทหาร ตชด. และองค์กรปกครองในพื้นที่ ซึ่งได้จัดพื้นที่พักรวมกันอยู่ห่างจากพื้นที่รับสิ่งของบริจาคออกไปราว 1.5 กิโลเมตร ทั้งนี้เพื่อเป็นการจัดระเบียบ ดูแลสุขอนามัยและป้องกันโรคด้วย สิ่งของที่ยังคงเปิดรับบริจาคและต้องการเป็นอย่างมากก็คือข้าวสาร น้ำมันพืช อาหารสำเร็จรูป ผ้ายางกันฝน อุปกรณ์ทำครัว ผ้าอนามัยและเวชภัณฑ์ต่างๆ ส่วนของบริจาคประเภทเสื้อผ้านั้นก็งดรับบริจาคก่อน เนื่องจากไม่มีพื้นที่เก็บเพียงพอ

ส่วนแถลงการณ์ของศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมาจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แถลงในวันนี้ ( วันที่ 25 มิถุนายน 2566) ว่า ยังคงมีการสู้รบในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านด้านตรงข้ามกับบ้านเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง และที่ที่ด้านตรงข้ามกับตำบลแม่กี๊ อำเภอขุนยวม ทำให้ปัจจุบันยังคงมีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาที่พะวงกับสถานการณ์การสู้รบ เดินทางเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัยที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในขณะนี้ได้แยกพื้นที่รองรับไว้เพิ่มขึ้น 4 แห่ง จากเดิมที่มีเพียง 2 แห่ง คือ ที่บ้านเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง มีอยู่ 3,270 คน ที่บ้านพะแข่ ตำบลแม่กี๊ อำเภอขุนยวม มีจำนวน 839 คน ที่เพิ่มมาใหม่คือพื้นที่บ้านอูนุ หมู่ที่ 4 ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง มีอยู่จำนวน 206 คน และอีกที่คือที่บ้านจอปร่าคี หมู่ที่ 9 ตพบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง มีจำนวน 483 คน รวมจนถึงวันนี้มียอดทั้งสิ้น 4,798 คน

 

วิรัตน์ นันทะพรพิบูลย์ จ.แม่ฮ่องสอน – รายงาน